<b>ความต้องการน้ำ:</b> มะเขือเทศต้องการความชื้นสม่ำเสมอ รดน้ำลึกๆ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้ปริมาณน้ำประมาณ 2.5 เซนติเมตรต่อครั้ง ในช่วงที่อากาศร้อนและแห้ง อาจต้องรดน้ำบ่อยขึ้น การคลุมดินรอบต้นพืชสามารถช่วยรักษาความชื้นในดินได้</br></br>
<b>ความต้องการแสงแดด:</b> มะเขือเทศเจริญเติบโตได้ดีในแสงแดดเต็มที่ ควรได้รับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อการเจริญเติบโตและการผลิตผลที่ดีที่สุด</br></br>
<b>ระยะเวลาในการงอก:</b> เมล็ดมะเขือเทศมักจะงอกภายใน 5-10 วัน ภายใต้สภาวะอากาศอบอุ่น รักษาความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอในช่วงนี้</br></br>
<b>การแช่เมล็ดพันธุ์:</b> การแช่เมล็ดไม่จำเป็นสำหรับมะเขือเทศ แต่คุณสามารถแช่เมล็ดในน้ำอุ่นเป็นเวลาสองสามชั่วโมงก่อนปลูกเพื่อเร่งการงอก</br></br>
<b>คำแนะนำเกี่ยวกับถาด/กระถาง:</b> เริ่มเพาะเมล็ดในกระถางเล็กๆ หรือถาดเพาะเมล็ดที่มีส่วนผสมของดินปลูกที่ระบายน้ำได้ดี เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ย้ายปลูกลงในกระถางใหญ่ขึ้นหรือลงดินโดยตรง หากปลูกในภาชนะ ให้ใช้กระถางที่มีความลึกและกว้างอย่างน้อย 30 เซนติเมตร</br></br>
<b>ความต้องการพื้นที่: </b> ปลูกพันธุ์แน่นระยะห่าง 60-90 เซนติเมตร และพันธุ์ไม่แน่นระยะห่าง 90-120 เซนติเมตร หากปลูกเป็นแถว ให้เว้นระยะห่างระหว่างแถว 90-120 เซนติเมตร เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง</br></br>
<b>ความต้องการอุณหภูมิ:</b> มะเขือเทศชอบอุณหภูมิอบอุ่นระหว่าง 18-29 องศเซลเซียส พวกมันสามารถทนต่อความร้อนของประเทศไทยได้ แต่การติดผลอาจได้รับผลกระทบเมื่ออุณหภูมิเกิน 35 องศเซลเซียส ให้ร่มเงาในช่วงบ่ายในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุด</br></br>
<b>ฤดูกาลปลูกที่ดีที่สุด:</b> ในประเทศไทย สามารถปลูกมะเขือเทศได้ตลอดทั้งปีในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปลูกคือช่วงปลายฤดูฝน (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เพื่อหลีกเลี่ยงความชื้นส่วนเกินที่อาจนำไปสู่โรคพืช สามารถปลูกครั้งที่สองได้ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์</br></br>
<b>ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว:</b> ขึ้นอยู่กับพันธุ์ มะเขือเทศพร้อมเก็บเกี่ยว 60-100 วันหลังปลูก เก็บเกี่ยวเมื่อผลสุกเต็มที่แต่ยังคงแข็ง สำหรับรสชาติที่ดีที่สุด ให้เก็บเกี่ยวมะเขือเทศในตอนเช้า</br></br>
